ถัดจากป่าไม้หว้าที่เชิงเขาแล้ว ก็มีป่าไม้มะขามป้อม และป่าสมอ ซึ่งผลไม้ทั้งสองมีรสชาติหวาน ถัดป่าสมอไปมีแม่น้ำ 7 สาย ถัดแม่น้ำไปแล้วมีป่าไม้นารีผลซึ่งมีลักษณะทรวดทรงงดงาม ถัดจากป่าไม้นารีผลก็เป็นแม่น้ำสมุทร และมีป่าไม้อีก 6 ป่า คือ ป่ากุรภะ ป่าโกรภะ ป่ามหาพิเทหะ ป่าตะปันทละ ป่าโสโมโล ป่าไชยเยศ ป่าไม้เหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยบำเพ็ญบุญของผู้ทรงธรรมทั้งหลาย และป่าไม้นี้มีเนื้อทรายจามรีมากมาย
ในป่าหิมพานต์มีสระใหญ่ถึง 7 สระ คือ สระอโนดาต สระกัณณมุณฑะ สระรถการะ สระฉัททันตะ สระกุณาละ สระมัณฑากิณี สระสีหัปปาตะ บรรดาสระใหญ่ทั้ง 7 นั้น สระใหญ่ทั้ง 7 นี้มีความกว้าง ความลึก และมณฑลโดยรอบเท่ากัน สำหรับสระอโนดาต มีเขา 5 เทือกล้อมรอบ คือ เขาสุทัสสนะ เขาจิตรกูฏ เขากาฬกูฏ เขาคันธมาทน์ เขาไกรลาส
ป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาส เป็นถิ่นฐานที่สถิตของผู้มีคุณวิเศษ ดินแดนที่ไกลแสนไกลยากที่มนุษย์ธรรมดาล่วงไปถึงได้
วรรณคดีที่กล่าวถึงป่าหิมพานต์ มักพรรณนาถึงสัตว์หิมพานต์ไว้ด้วย สัตว์หิมพานต์เป็นจินตนาการที่กวี จิตรกร ประติมากรพรรณนาถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาส นอกจากปรากฏในวรรณคดี ยังอยู่ในภาพจิตรกรรมและประติมากรรมที่ประดิษฐานไว้ตามวัดวาอารามหรือปราสาทราชวัง
สัตว์เหล่านั้นได้ชื่อว่าเป็นจอมสัตว์ มีศักดินาเป็นใหญ่บ้าง มีเพศพรรณไม่เหมือนสัตว์ในมนุษย์โลกบ้าง และมีการผสมต่างพันธุ์บ้าง ประกอบด้วยเทวดา สัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์อากาศ ซึ่งช่างต่างประดิษฐ์พลิกแพลงทรงเครื่องให้สวยงามเพื่อความเหมาะสมของสภาพป่าหิมพานต์ หรือเขาไกรลาสที่ปรากฏในวรรณคดีไตรภูมิกถา (ไตรภูมิพระร่วง) และรามเกียรติ์ หรือจำแนกตามหนังสือ "ศิลปไทย" โดยอาจารย์ช่วง สเลลานนท์ ท่านแบ่งสัตว์หิมพานต์เป็น 3 ประเภท คือ สัตว์ทวิบาท (สองขา) สัตว์จตุบาท (สี่ขา) และประเภทปลา
มีความเชื่อว่าเคยมีพวกสัตว์เทพต่าง ๆ อาศัยอยู่แต่ไม่รู้จะจริงหรือไม่
ขอบคุณเด็กดี ดอทคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น